WELCOME TO BLOGGER

วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2558

ความสุขเล๊กๆน้อยๆ ของคำว่า เพื่อน'

...................................................................................................................................................................
คำว่า เพื่อน' สำคัญที่สุดแล้ว ถึงจะถ่ายทั้งคนในกลุ่มและนอกกลุ่ม แต่ยังไงๆ ทุกคนก้อเป็นเพื่อนที่ดีตลอดไป
...................................................................................................................................................................

วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

วิดิโอเรื่อง ความสุขของเราและเพื่อน

...................................................................................................................................................................

โรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัย

   

โรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัย

      โรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัย (อังกฤษPrincess Sirindhorn's College) จังหวัดนครปฐม จัดตั้งขึ้นโดยกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ 3 รอบ ในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2534 ชื่อโรงเรียนเป็นชื่อที่ได้รับพระราชทาน โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับโรงเรียนไว้ในพระราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2537 และเสด็จพระราชดำเนินเปิดโรงเรียนและกิจกรรมธนาคารนักเรียน เมื่อวันที่ 31 มกราคม ปีเดียวกัน ทางโรงเรียนจึงกำหนดให้วันที่ 31 มกราคม ของทุกปี เป็น "วันพระบารมีปกเกล้า" ของโรงเรียน

สัญลักษณ์ของโรงเรียน

  • ตราโรงเรียน
ประกอบด้วยนามาภิไธยย่อ สธ ภายใต้พระมงกุฏ ด้านล่างประดับด้วยแพรแถบชื่อ "สิรินธรราชวิทยาลัย"
  • สีประจำโรงเรียน
ม่วง หมายถึง สีประจำวันเสาร์ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขาว หมายถึง ความสะอาด สว่าง สงบ อันเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนา
  • เพลงประจำโรงเรียน เพลงมาร์ชโรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัย


หลักสูตร

ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น

ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 มีแผนการศึกษาดังนี้
  • โครงการส่งเสริมความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี (สวคท.)
  • ICT (คอมพิวเตอร์)
  • Smart Math
  • Chinese Program (CP)
  • English Program (EP)
  • ส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา (สอวน.)
  • โครงการปกติ

ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 มีแผนการศึกษาดังนี้
  • โครงการส่งเสริมความสามารถพิเศษทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี (สวคท.)
  • ICT (คอมพิวเตอร์)
  • Intensive English Program (IP)
  • ภาษาอังกฤษ - ภาษาจีน (CP)
  • วิทยาศาสตร์ - คณิตศาสตร์
  • ภาษาอังกฤษ - คณิตศาสตร์
  • ภาษาอังกฤษ - ภาษาฝรั่งเศส
  • ภาษาอังกฤษ - ภาษาไทย - สังคมศึกษา



โทรศัพท์ :
  034-250948 

อีเมล์ :
  esanpt0058@yahoo.com
เว็บไซต์ :

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

โรงเรียนวังไกลกังวล


        โรงเรียนวังไกลกังวล

     โรงเรียนวังไกลกังวลเป็นโรงเรียนของรัฐ ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการศึกษาเอกชนกระทรวงศึกษาธิการ เปิดสอนตั้งแต่ในระดับอนุบาล 1 ถึง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และยังมีการสอนในประดับประกาศวิชาชีพ
                   


สถานที่ตั้ง

โรงเรียนวังไกลกังวล ตั้งอยู่ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นโรงเรียนที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลมีพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2481 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้การศึกษาแก่บุตรหลานของเจ้าหน้าที่ผู้รักษาวังไกลกังวล ซึ่งมีอยู่จำนวนมากแต่ไม่มีสถานที่เล่าเรียน มีฐานะเป็นโรงเรียนราษฎร์ที่ได้พระราชอุปการะค่าใช้จ่ายจากเงินพระราชกุศลเป็นรายปี
โรงเรียนวังไกลวังกล เปิดสอนนักเรียนตั้งแต่ชั้นเด็กเล็กขึ้นไปจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และเปิดสอนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นเพิ่มเติมด้วย โรงเรียนวังไกลกังวลได้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและได้มีการพัฒนาปรัปปรุงมาเป็นลำดับ อาทิ พ.ศ. 2497 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานอาคารที่พักกองรักษาการณ์วังไกลกังวลให้เป็นอาคารเรียนแทนอาคารไม้เก่าที่ชำรุดทรุดโทรมมาก อาณาบริเวณนี้มีเนื้อที่ 14 ไร่ 2 งาน 7 ตารางวา ต่อมาได้สร้างอาคารเรียนเพิ่มขึ้นอีก ใน พ.ศ. 2522 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนแปลงการบริหารโรงเรียนวังไกลกังวล จากการบริหารโดยมีครูใหญ่เป็นผู้บริหารด้านวิชาการหัวหน้าแผนกวังไกลกังวล ปัจจุบันเรียกหัวหน้าส่วนวังไกลกังวลเป็นทั้งเจ้าของและผู้จัดการควบคุมดูแลทั่วไป เปลี่ยนมาเป็นการบริหารโดยคณะกรรมการเรียกว่า "กรรมการบริหารโรงเรียนวังไกลกังวล" ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการบริหารโรงเรียน และทางด้านวิชาการข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายกระทรวงศึกษาธิการและฝ่ายบ้านเมืองตลอดจนเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของสำนักพระราชวังและของโรงเรียน นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้แทนสมาคมผู้ปกครองเป็นกรรมการด้วย ทั้งนี้เพื่อให้โรงเรียนวังไกลกังวลเป็นโรงเรียนที่มีสมรรถภาพ สามารถประสิทธิ์ประสาทวิทยาการแก่นักเรียนได้ดีขึ้น ใน พ.ศ. 2526 คณะกรรมการบริหารโรงเรียนได้จัดให้มีศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนเพื่อให้การศึกษาอบรมเลี้ยงดูแก่เด็กก่อนวัยเรียน ใน พ.ศ. 2527 คณะกรรมการบริหารโรงเรียนได้ประสานงานกับกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการจัดสรรงบประมาณสร้างอาคารเรียนสารพัดช่างวังไกลกังวล เพื่อเปิดสอนหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น (225 ชั่วโมง) หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพช่างฝีมือ (ปชม.) และหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (วช.1 หรือ วช.2) วิชาที่เปิดสอนจะคำนึงถึงอาชีพของท้องถิ่นเป็นสำคัญ มีจำนวนถึง 17 แผนกวิชา อันเป็นการสนองโครงการตามพระราชดำริเกี่ยวกับศิลปาชีพพิเศษด้วย และในขณะเดียวกันนักเรียนของโรงเรียนวังไกลกังวลสามารถใช้ห้องฝึกงานของโรงเรียนสารพัดช่างเป็นที่ฝึกงานในชั่วโมงเรียนวิชาการงานพื้นฐานอาชีพได้อีกด้วย
นอกจากนี้ในปีฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี กระทรวงศึกษาธิการโดยการประสานงานจากนายขวัญแก้ว วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวังเสนอให้กรมสามัญศึกษาจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษา ด้วยระบบทางไกลผ่านดาวเทียม เพื่อเฉลิมพระเกียรติในปีฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งมีพระมหากรุณาธิคุณใหญ่หลวงต่อการเสริมสร้าง ยกระดับการศึกษาและคุณภาพชีวิตของปวงประชาราษฎร์อย่างทั่วถึงตลอดมา การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม นอกจากจะเป็นประโยชน์ในการทำให้นักเรียนในส่วนภูมิภาคหรือชนบทห่างไกล ได้มีโอกาสรับประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีคุณภาพไม่ด้อยกว่าโรงเรียนที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานแล้ว ยังจะใช้เป็นสื่อในการเผยแพร่แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย โดยได้ติดตั้งสถานีส่งสัญญาณผ่านดาวเทียม เพื่อออกอากาศการเรียนการสอนและรายการทางการศึกษา ณ โรงเรียนวังไกลกังวล จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้ทดลองออกอากาศตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2538 เป็นต้นมา ดำเนินการออกอากาศรายการสอน ระดับมัธยมศึกษาสายสามัญ ตลอดจนรายการทางการศึกษาที่เกี่ยวข้อง และติดตั้งสถานีรับสัญญาณในโรงเรียนมัธยมศึกษา ในปีการศึกษา 2538 จำนวนไม่ต่ำกว่า 100 โรงเรียน และขยายสถานีรับในส่วนของโรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษา ปีละ 800 แห่ง จนครบ 2,500 โรงเรียน ในสิ้นปี 2544
โรงเรียนวังไกลกังวลแม้จะมีนักเรียนจำนวนมาก แต่โรงเรียนเก็บค่าเล่าเรียนในอัตราต่ำ รายได้ของโรงเรียนจึงไม่พอกับรายจ่าย ต้องขอพระราชทานพระราชทรัพย์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นประจำ เมื่อแรกตั้งได้รับพระราชทานเงินงบพระราชกุศลปีละ 300 บาท ต่อมาได้รับพระราชทานเพิ่มขึ้นตามจำนวนครูและนักเรียนที่ทวีขึ้น ในปัจจุบันโรงเรียนวังไกลกังวล ได้รับพระราชทานเงินเพื่อใช้ในการดำเนินงานของโรงเรียน จากงบเงินใช้สอยตามพระราชอัธยาศัยปีละ 1,200,000 บาท ซึ่งมากกว่าโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์อื่นใดทั้งสิ้น

ประวัติ

โรงเรียนวังไกลกังวล เป็นโรงเรียนราษฎร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สถาปนาเมื่อปี พ.ศ. 2481 สมัยรัชกาลที่ 8 ตั้งอยู่ ณ เขตพระราชฐาน วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาปี 2522 สำนักพระราชวังแต่งตั้ง นายขวัญแก้ว วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวังฝ่ายกิจกรรมพิเศษเป็นประธานกรรมการบริหารและผู้จัดการ ก่อนหน้านี้โรงเรียนมีสภาพที่ต้องเร่งพัฒนาให้ก้าวหน้าในทุกด้านโดยเฉพาะพื้นที่ของโรงเรียนมีลักษณะเป็นตะกาด ที่ดินหลังหาดชายทะเลมีน้ำเค็มขึ้นท่วมถึงได้ นายขวัญแก้ว วัชโรทัย จึงทุ่มเทสรรพกำลังด้วยวิริยะอุตสาหะ เพื่อพัฒนาทุกภาคส่วนให้มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น อาทิ อาคาร สถานที่ ได้พัฒนาให้เพียงพอกับความต้องการ ตลอดทั้งปรับปรุงให้มีภูมิทัศน์สวยงาม ด้านบุคลากรมีการพัฒนาส่งเสริมให้ครูผู้สอนที่มีวุฒิการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี ได้ศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น จนกระทั่งครูผู้สอนมีวุฒิปริญญาตรีทุกคน รวมทั้งมีครูที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาโท ด้านวิชาการได้เร่งพัฒนาทุกรูปแบบ เพื่อให้สอดคล้องกับความเจริญก้าวหน้าในยุคสมัยโลกาภิวัตน์ ในปีพ.ศ. 2552 โรงเรียนวังไกลกังวล ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงศึกษาธิการ จัดส่งข้าราชการครูผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขาวิชา จากโรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษาส่วนกลาง 19 แห่ง ข้าราชการครูสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน ข้าราชการครูสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ และบุคลากรจากหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปปฏิบัติหน้าที่ทำการสอนทั้งประจำและชั่วคราว ระหว่างปี พ.ศ. 2522 – 2538 โรงเรียนวังไกลกังวลพัฒนาก้าวหน้ามากขึ้นตามลำดับ ขณะเดียวกัน โรงเรียนทั่วประเทศกำลังประสบปัญหาด้านครูผู้สอน โดยเฉพาะโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ในจังหวัดต่างๆ ขาดแคลนครูผู้สอนแต่ละสาขาวิชามากที่สุด สภาพดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการจัดการศึกษาของชาติมาโดยตลอด ยิ่งโรงเรียนที่อยู่ในชนบทห่างไกลด้วยแล้ว การพัฒนาคุณภาพการศึกษายังไม่ถึงเกณฑ์มาตรฐาน ในปี พ.ศ. 2538 นายขวัญแก้ว วัชโรทัย มีโอกาสได้บรรยายแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการขยายโอกาสทางการศึกษาด้วยระบบทางไกลผ่านดาวเทียม ในที่ประชุม ณ อาคารสหประชาชาติ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการบรรยายหน้าพระพักตร์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี นายสัมพันธ์ ทองสมัครรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสมัยนั้นเห็นความสำคัญ จึงให้การสนับสนุนและส่งเสริมด้วยดีตลอดมา นายขวัญแก้ว วัชโรทัย จึงได้จัดทำโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลปีกาญจนาภิเษก ที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีโดยจัดตั้งสถานีวิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม DLTV ขึ้นที่โรงเรียนวังไกลกังวล ถ่ายทอดการเรียนการสอนออกอากาศเป็นปฐมฤกษ์ไปยังโรงเรียนเครือข่ายทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2538 ซึ่งตรงกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทั้งนี้เพื่อเป็นสิริมงคลสืบไป โรงเรียนวังไกลกังวลมีสถาบันการศึกษาร่วมกันจัดการศึกษาอยู่ในพื้นที่เดียวกันมากกว่าหนึ่งแห่งประกอบ ด้วยโรงเรียนวังไกลกังวล วิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล ทั้งสามสถาบันจึงเน้นจัดการศึกษาแบบครบวงจร ด้วยระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เพื่อสนองพระบรมราโชบายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า “การจัดการศึกษา ให้อบรมบ่มนิสัยนักเรียนเป็นคนดี มีเมตตา กรุณา ให้นักเรียนทุกคนตั้งใจเรียนจนสุดความสามารถ เมื่อเรียนจบถึงระดับใดแล้ว ให้มีความสามารถนำวิชาความรู้ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนได้” การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม จึงเป็นรูปแบบการศึกษาที่มุ่งสนองพระบรมราโชบาย เป็นไปตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วยระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผู้เรียนไม่ว่าจะเรียนอยู่ในระดับใด สามารถเรียนได้เต็มตามศักยภาพของตน เมื่อเรียนสำเร็จตามกำลังสติปัญญาของแต่ละคนแล้ว สามารถนำความรู้ไปเป็นฐานสำหรับการศึกษาต่อระดับสูงขึ้น หรือประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างมีความสุข ทั้งยังรู้รักสามัคคี มีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ดำรงตนเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ
ต่อมาได้จัดตั้งเป็น “มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม”DLF เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2539 โดยมีนายขวัญแก้ว วัชโรทัย เป็นประธานกรรมการบริหาร สำนักงานตั้งอยู่ที่กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ใช้เครื่องหมายกาญจนาภิเษกเป็นเครื่องหมายของมูลนิธิ ปัจจุบันนี้โรงเรียนวังไกลกังวลเป็นต้นแบบที่ทรงประสิทธิภาพ และเป็นศูนย์กลางการเรียนการสอนด้วยระบบทางไกลผ่านดาวเทียมที่ก้าวหน้า เป็นสถานศึกษาแห่งแรกที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยถ่ายทอดกระบวนการสอน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตลอดทั้งการสร้างองค์ความรู้ควบคู่คุณธรรมไปยังผู้เรียนทั้งในประเทศและต่างประเทศ สนองพระบรมราโชบายที่ทรงเน้นให้นักเรียนได้รู้จักช่วยเหลือตนเองและยึดเป็นแนวปฏิบัติตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ยิ่งไปกว่านั้น นายขวัญแก้ว วัชโรทัย ยังได้สนองพระบรมราโชบายให้นักเรียนได้เรียนทั้งด้านกีฬา ศิลปะ นาฏศิลป์และดนตรี มีทั้งดนตรีสากลและดนตรีไทย นักเรียนคนใดมีความสามารถสูงก็จะสนับสนุนและส่งเสริมยิ่งขึ้น นางสาวภัทรรินทร์ศิริรัตน์ นักเรียนรุ่นแรกที่เรียนด้วยระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม เป็นผู้ที่มีความสามารถด้านดนตรีไทยเป็นพิเศษ ขณะเรียนอยู่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียนตอนเย็นไปบรรเลงดนตรีไทยที่โรงแรมเมเลีย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นับเป็นการหารายได้พิเศษระหว่างเรียน ด้วยการใช้ความรู้ความสามารถช่วยเหลือตนเองในทางที่ถูกต้อง สอดคล้องกับพระบรมราโชบาย ที่ทรงเน้นให้เห็นคุณค่าและความสำคัญของดนตรีไทย อีกทั้งยังเป็นแนวทางแห่งการดำเนินชีวิตแบบพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว ปี พ.ศ. 2541-2544 ได้รับทุนไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (ประสานมิตร) คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาดุริยางคศาสตร์ไทย ปี พ.ศ. 2545-2548 ศึกษาต่อระดับปริญญาโท สาขาวิชาการอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเดียวกัน ปี พ.ศ. 2549 ถึงปัจจุบัน ได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศึกษาต่อระดับปริญญาเอก ในระหว่างปี พ.ศ. 2541-2543 ขณะยังเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ได้รับพระราชทานพระราชวโรกาสจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้เข้าร่วมวงเพื่อบรรเลงดนตรีไทยในฐานะนิสิตนักศึกษา ซึ่งถือเป็นเกียรติประวัติและเป็นสิริมงคงสูงสุดแก่ชีวิตและวงศ์ตระกูล ทั้งยังแสดงถึงผลจากการเรียนการสอนทางไกลผ่านดาวเทียมที่มีคุณภาพต่อผู้เรียนในระบบและนอกระบบ สถานีวิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม DLTV ถ่ายทอดการเรียนการสอนออกอากาศต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน 15 ช่องสัญญาณ เริ่มตั้งแต่ DLTV 81-95 โดย DLTV 81-92โรงเรียนวังไกลกังวลเป็นหน่วยงานหลัก รับผิดชอบการเรียนการสอน ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปี ของกระทรวงศึกษาธิการ DLTV 81-86 ถ่ายทอดการเรียนการสอนช่วงชั้นที่ 1-2 (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6) DLTV 87-89 ถ่ายทอดการเรียนการสอนช่วงชั้นที่ 3 (ชั้นมัธยมศึกษาปีที 1-3) DLTV 90-92 ถ่ายทอดการเรียนการสอนช่วงชั้นที่ 4 (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6) โดยมุ่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนครูของโรงเรียนในพื้นที่ชนบทห่างไกล โดยเฉพาะในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ทุกแห่ง ทั้งจำนวนครูและครูผู้สอนแต่ละสาขาวิชา รวมถึงปัญหามาตรฐานไม่เท่าเทียมกันของสถานศึกษา ทั้งในเขตเมืองและในเขตชนบทถิ่นทุรกันดาร ให้มีมาตรฐานเดียวกัน จากครูคนเดียวกันและในเวลาเดียวกัน สำหรับ DLTV 93 ถ่ายทอดการเรียนการสอนสายวิชาชีพ (ปวช.ปวส.) รวมทั้งวิชาชีพหลักสูตรระยะสั้นและการศึกษาชุมชน วิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวลเป็นแม่ข่ายต้นทาง DLTV 94 ถ่ายทอดการเรียนการสอนนานาชาติซึ่งเป็นภาษาต่างประเทศ มีด้วยกัน 5 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน ภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่น DLTV 95 ถ่ายทอดการเรียนการสอนระดับอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวลเป็นแม่ข่ายรับผิดชอบ
ตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2543 เป็นต้นมา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา โดยได้จัดรายการออกอากาศเป็นประจำในวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 04.00 – 06.00 น. ภาคค่ำตั้งแต่เวลา 18.00 – 20.00 น. ส่วนวันเสาร์และวันอาทิตย์ตั้งแต่เวลา 08.30 – 20.00 น. ซึ่งเป็นรายการออกอากาศของมหาวิทยาลัยทางไกลที่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ทั้งระหว่างต้นทางและปลายทาง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ดำเนินรายการ “ศึกษาทัศน์”โดยครูนำนักเรียนไปทัศนศึกษาเพื่อเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ตามสถานที่จริง เปิดโอกาสให้ครูและนักเรียนได้มีส่วนร่วมสนทนา ซักถามความรู้เนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ลงมือทำหรือปฏิบัติด้วยตนเอง ผู้ชมได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ทั้งโครงการตามพระราชดำริ วิถีชีวิต ภูมิปัญญาชาวบ้าน นวัตกรรมในเรื่องการเกษตร เทคโนโลยี ศิลปหัตถกรรม ประเพณี วัฒนธรรม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงลิขสิทธิ์รายการศึกษาทัศน์ที่ออกอากาศทุกรายการ มูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ได้มอบอุปกรณ์รับสัญญาณให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศลาวได้ติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณที่โรงเรียนวัฒนธรรมเด็กกำพร้าหลัก 67 แขวงเวียงจันทน์ โรงเรียนมัธยมสมบูน นครเวียงจันทน์ และโรงเรียนมัธยมสมบูนสันติภาพ แขวงบ่อแก้ว ประเทศจีนที่มณฑลยูนนาน ติดตั้งที่มหาวิทยาลัยถึง 5 แห่งได้แก่มหาวิทยาลัยยูนนาน มหาวิทยาลัยวิทยุโทรทัศน์ยูนนาน มหาวิทยาลัย South Youth College มหาวิทยาลัยเชื้อชาติแห่งยูนนาน และ Yunnan Nomal University ส่วนประเทศกัมพูชา ติดตั้งที่วิทยาลัยกำปงเฌอเตียล จังหวัดกำปงธม เป็นสถาบันที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานให้เปิดสอนระดับมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา เมื่อปี พ.ศ. 2547 ได้พัฒนาความร่วมมือระหว่างมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม และสถาบันการศึกษาต่างๆ ให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น เช่น ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยโอเรกอน เมืองยูจีน ประเทศสหรัฐอเมริกา จัดอบรมครูสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนที่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยใช้ระบบ (Video Conference) เชื่อมโยงระหว่างมหาวิทยาลัยโอเรกอนและศูนย์การอบรมในประเทศไทย จัดขึ้นที่โรงเรียนวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และศูนย์การอบรมที่ บจม.TOT.จำกัด (มหาชน) รวมถึงศูนย์การอบรมของประเทศเพื่อนบ้าน ที่โรงเรียนวัฒนธรรมเด็กกำพร้าหลัก 67 โรงเรียนมัธยมสมบูนเวียงจันทน์ ประเทศสาธารณประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการพัฒนาครูและการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ
วันที่ 17 กรกฎาคม 2549 พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภา เสด็จฯไปเป็นองค์ประธาน เปิดการฝึกอบรมครูสอนวิชาคณิตศาสตร์ และวิชาวิทยาศาสตร์ (Green Chemistry) ณ มหาวิทยาลัยโอเรกอน ดำเนินการฝึกอบรมด้วยระบบ (Video Conference) โดยได้ดำเนินการเหมือนกับการฝึกอบรมครูสอนภาษาอังกฤษ นับเป็นความก้าวหน้าที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงยิ่ง ซึ่งเป็นผลพวงของความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากทุกภาคส่วน นอกจากนี้ ยังได้จัดทำโครงการ DLF eSchool (www.dlfeschool.in.th) ขึ้นอีก ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 ด้วยความร่วมมือของกระทรวงการต่างประเทศ และวัดไทยในต่างประเทศ โดยจัดในรูปแบบการศึกษาทางไกลด้วยระบบอินเทอร์เน็ต จัดทำเป็นหลักสูตรเฉพาะลูกหลานและคนไทยในต่างประเทศ รวมทั้งชาวต่างชาติที่สนใจการเรียนรู้ภาษาไทย และวิถีชีวิตความเป็นไทย ในปัจจุบันมีศูนย์การเรียนทางไกลด้วยระบบอินเทอร์เน็ต4 ศูนย์ คือ วัดป่าธรรมชาติ ลอสแอนเจลิส สถานกงสุลไทย นครชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา วัดศรีนครินทรวราราม ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ วัดไทยธรรมประทีป ประเทศฝรั่งเศส และวัดไทย 15 แห่งในรัฐ กลันตัน ประเทศมาเลเซีย เพื่อส่งเสริมให้คนมาเลย์เชื้อสายไทยได้เปิดโลกการเรียนรู้ด้วยความภาคภูมิ
การประเมินผลโรงเรียนปลายทาง เป็นอีกรายการหนึ่งที่มีขึ้นเพื่อสร้างความใกล้ชิดด้วยความเข้าใจดีต่อกันระหว่างครูและนักเรียน ตลอดทั้งประชาชนผู้สนใจทั่วไป เป็นการติดตามประเมินผล ในโอกาสเดียวกัน นายขวัญแก้ว วัชโรทัย ในฐานะนายสถานีวิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมได้มอบให้ อาจารย์ณรงค์ฤทธิ์ ศักดารณรงค์ ผู้ช่วยนายสถานีเป็นผู้ดำเนินรายการ รูปแบบของรายการเป็นการประชุมทางไกลร่วมกันระหว่างครูและนักเรียน ทั้งจากโรงเรียนต้นทางและโรงเรียนปลายทาง เปิดโอกาสให้แต่ละคนได้สนทนาซักถามข้อสงสัย เสนอข้อมูลข่าวสาร ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ทั้งยังเป็นเวทีแสดงออกซึ่งภูมิปัญญาความรู้ ประเพณี วัฒนธรรม ศาสนาและศิลปะที่ทรงคุณค่าในแต่ละท้องถิ่น ออกอากาศเป็นประจำทุกวันเสาร์ DLTV 89 ตั้งแต่เวลา 09.00 – 11.00 น. เพื่อร่วมกันหาแนวทางปรับปรุงการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับความต้องการ และให้มีคุณภาพสูงขึ้นในทุกวิถีทาง โรงเรียนปลายทางที่เป็นเครือข่ายเรียนร่วมกับโรงเรียนวังไกลกังวล มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปีการศึกษา อาทิ โรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 44 แห่ง โรงเรียนเอกชน สถาบันปอเนาะ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม โรงเรียนพระปริยัติธรรมโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และโรงเรียนของมูลนิธิหรืองค์กรเพื่อการกุศลอีกจำนวนมาก นักเรียนที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนวังไกลกังวล ถ้ามีผลการเรียนดีก็จะได้รับทุนพระราชทานไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี นักเรียนบางคนสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงของประเทศได้ด้วยตนเอง เช่น โรงเรียนนายร้อยตำรวจ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอื่นๆอีกหลายแห่ง อาทิ ในปี พ.ศ. 2542 มหาวิทยาลัย อัสสัมชัญ มอบทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี ให้แก่นักเรียนโรงเรียนวังไกลกังวล จำนวน 9 ทุน ในจำนวนนั้นมีนางสาวจิตติมา สุขสมัย สำเร็จการศึกษาได้รับเกียรตินิยมอันดับ 1 (เหรียญทอง) นางสาวสายใจ แซ่โค้ว ได้รับเกียรตินิยมอันดับ 2 (เหรียญเงิน) นางสาวโฉมฉาย มะลิทอง กำลังศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่ประเทศเยอรมัน นายสัญฉกร กตัญชลี ได้รับทุนจากมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมไปศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ สำหรับโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ทั้ง 44 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งใช้ระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมอย่างเต็มรูปแบบ ถ้านักเรียนคนใดเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกด้วยคะแนนเฉลี่ยสูง นักเรียนคนนั้นจะได้รับทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ จากมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ในมหาวิทยาลัยต่างๆ ตามสาขาวิชาที่ได้รับทุน เช่น นางสาวจันทร์ดี วงศ์สวัสดิ์ เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกจากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 29 จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อปีการศึกษา 2544 ด้วยคะแนนเฉลี่ย 3.7 จึงได้รับทุนพระราชทานการศึกษาสงเคราะห์ เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ขณะเป็นนักศึกษาชั้นปีที่3 ได้รับรางวัลชนะเลิศการแข่งขันโต้เถียงปัญหากฎหมายโดยการแถลงการณ์ด้วยวาจาในชั้นอุทธรณ์ ในวันระพี เมื่อปี พ.ศ. 2547 สำเร็จการศึกษาเมื่อปีการศึกษา 2548 ด้วยคะแนน “Sraight A” ตลอดระยะเวลาที่ศึกษา 4 ปี มีผลการเรียนคะแนนเฉลี่ย 4 ทุกรายวิชา จึงสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีเกียรตินิยมที่ยกมาเป็นตัวอย่างนี้ เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ในแต่ละปีการศึกษา นักเรียนจากโรงเรียนปลายทางจำนวนมากที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกแล้ว สามารถสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ทั้งในมหาวิทยาลัยของรัฐและมหาวิทยาลัยเอกชน โรงเรียนบางแห่งทั้งด้อยโอกาสทั้งมีความขาดแคลนสูง และอยู่ในชนบทห่างไกลในถิ่นทุรกันดาร เมื่อนำระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมไปใช้ในการเรียนการสอน โรงเรียนเหล่านี้สามารถพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้สูงขึ้นในทุกด้าน เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย มีนักเรียนสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยได้จำนวนมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีสถาบันปอเนาะ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจำนวนมาก ที่ยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนสายวิชาสามัญให้สูงขึ้น ด้วยการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี นราธิวาส ยะลา สตูลและบางพื้นที่ของจังหวัดสงขลา นักเรียนส่วนหนึ่งที่เรียนจบหลักสูตรศาสนาชั้นสูงและชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย มีความประสงค์ที่จะศึกษาต่อสายวิชาสามัญในระดับสูงขึ้น ในแต่ละปีการศึกษา มีนักเรียนจำนวนมากจากโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม สามารถสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีทั้งในมหาวิทยาลัยของรัฐและมหาวิทยาลัยเอกชนซึ่งแสดงถึงประโยชน์สูงสุดที่พสกนิกรของพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ว่าจะอยู่อาศัยในภูมิภาคใดของประเทศ ต่างก็ได้รับพระราชทานการศึกษาด้วยคุณภาพและมาตรฐานที่เท่าเทียมเหมือนกันหมด การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้สำหรับการศึกษาในยุคโลกาภิวัตน์ มีความจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมีบทบาทช่วยทั้งครูผู้สอนและพัฒนายกระดับคุณภาพผู้เรียนให้สูงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นนับเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสนองพระบรมราโชบายเป็นไปตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มุ่งมั่น ปลูกฝัง อบรมบ่มนิสัยผู้เรียนให้เป็นคนดี มีเมตตากรุณา มีคุณธรรม จริยธรรมและกตัญญูกตเวที รักการเรียนรู้ตลอดชีวิต หลอมรวมจิตใจเยาวชนของชาติให้รู้รักสามัคคี ปรองดองสมานฉันท์ อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข เป็นพลเมืองดีที่มีคุณภาพของประเทศชาติ ทั้งอดีต ปัจจุบันและต่อไปในอนาคต

สถานที่ติดต่อ

1.สถานีวิทยุโทรทัศน์การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ที่อยู่ โรงเรียนวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77110
โทรศัพท์ 0 3251 5457-8 และ 0 3251 5107
โทรสาร 0 3251 5951
2. โรงเรียนวังไกลกังวล
  • มัธยม
วิชาการ 032522345
ธุรการ 032522345,032520478
  • ประถม วิชาการ  : 032515068
3.วิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวล โทร. 032520500,032520481
4.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์วิทยาเขตวังไกลกังวล โทร.032520483





วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558

โรงเรียน นานาชาติเอกมัย


โรงเรียนนานาชาติเอกมัย

          โรงเรียนนานาชาติเอกมัย (อังกฤษEkamai International School) เป็นโรงเรียนนานาชาติบริเวณเอกมัย ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1946 เดิมเป็นศูนย์ฝึกอบรมเด็กของ "กลุ่มคริสเตียนวันเสาร์" (ชื่อกลุ่ม) ในประเทศไทย ต่อมาได้พัฒนาขึ้นเป็นโรงเรียนนานาชาติ เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ไปจนถึงระดับอนุปริญญา ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ 57 ซอยปรีดี พนมยงค์ 31 และ 37 ถนนสุขุมวิท 71 กรุงเทพมหานคร 10110 นอกจากนี้ดารา นักแสดง นักร้อง และพิธีกรในวงการบันเทิงหลายคนได้จบจากโรงเรียนแห่งนี้อีกด้วย

          

ประวัติ

โรงเรียนนานาชาติเอกมัยเดิมเป็นศูนย์ฝึกอบรมเด็กของ "กลุ่มคริสเตียนวันเสาร์" (ชื่อกลุ่ม) ในประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1946 โดยมีเด็กที่อยู่ในการดูแลเพียง 4 คน โดยดัดแปลงห้องเรียนในโรงรถเป็นสถานที่เรียนบริเวณถนนพญาไท ต่อมาห้องเรียนถูกสร้างขึ้นใหม่โดยใช้ไม้ไผ่และหลังคาที่เป็นโลหะ ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่เรียน 2 ปี
ค.ศ. 1957 โรงเรียนได้ซื้อที่ดินบริเวณเอกมัย ซึ่งห่างไกลจากบริเวณตัวเมืองออกมาเล็กน้อย และได้สร้างอาคารเรียนขึ้นมาในระดับมัธยมศึกษาเป็นอาคารแรก โดยใช้การเรียนการสอนเป็นภาษาอังกฤษ (นานาชาติ) โดยใช้ชื่อว่า Seventh Day Adventist School (เซเว่นเดย์แอดเวนติส)
ค.ศ. 1992 โรงเรียนได้ใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่าโรงเรียนนานาชาติเอกมัย (Ekamai International School) โดยได้รับการรับรองจากรัฐบาลไทยและในปี ค.ศ. 1998 ได้รับการรับรองจากสมาคมโรงเรียนและวิทยาลัยตะวันตก (WASC) ในเมือง Burlingame รัฐแคลิฟอร์เนีย ประทศสหรัฐอเมริกา
นักเรียนของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนที่เป็นคนไทย และมีนักเรียนแลกเปลี่ยนจาก 23 ประเทศเข้ามาเรียนด้วย[

แผนการศึกษา

หลักสูตรจะอิงตามระบบการศึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกา และใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้ในการเรียนการสอนเป็นหลัก
  • ระดับอนุบาลและประถมศึกษา: Pre-Kindergarten – Grade 5
  • มัธยมต้น: Grades 6 – 8
  • มัธยมปลาย: Grades 9 – 12
  • อนุปริญญามี 3 สาขา ได้แก่ ธุรกิจ เภสัชกรรม และงานวิศวกรรม

          

หน่วยงานที่ให้การรับรอง

ให้การรับรองมาตรฐาน

  • WASC - Western Association of Schools and Colleges in Burlingame, California, USA
  • AAA - Adventist Accrediting Association in Bangkok, Thailand

อนุญาตให้เปิดการเรียนการสอน

  • กระทรวงศึกษาธิการ

โรงเรียนพันธมิตร

  • ISAT - International Schools Association of Thailand in Bangkok, Thailand
  • EARCOS - East Asia Regional Council of Schools in Laguna, Philippines


ติดต่อ

  • โทรศัพท์ 02-391-3593 ต่อ 6
  • Fax 02-381-4622
  • Email: info@eis.ac.th



วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2558

มหาวิทยาลัยรามคําแหง

  มหาวิทยาลัยรามคําแหง

ประวัติ

มหาวิทยาลัยรามคำแหง ก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2514 บนบริเวณที่ดินประมาณ 300 ไร่เศษ บนถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร โดยพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ. 2514 กำหนดให้มหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นสถาบันการศึกษาและวิจัยแบบตลาดวิชา[1] กล่าวคือ ให้เปิดรับสมัครบุคคลเข้าเป็นนักศึกษา โดยไม่จำกัดจำนวน และไม่มีการสอบคัดเลือกนับตั้งแต่ได้รับการสถาปนาขึ้นในปี 2514 ทั้งนี้เพื่อแก้ไขการขาดแคลนสถานที่เรียนในระดับอุดมศึกษา ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในขณะนั้น ต่อมาได้มีประกาศใช้พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ. 2541 ขึ้นใช้บังคับแทนกฎหมายฉบับเดิม
การตรากฎหมายเพื่อจัดตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้มีผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2512 คือ นายประมวล กุลมาตย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร สังกัดพรรคสหประชาไทย โดยในร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวยังไม่ได้ระบุชื่อมหาวิทยาลัย และสภาผู้แทนราษฎรได้มีมติรับหลักการเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2512 โดยตั้งคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งมีพลเอกประภาส จารุเสถียร เป็นประธานกรรมาธิการเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวโดยละเอียด คณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้แล้วเสร็จ พร้อมทั้งกำหนดชื่อมหาวิทยาลัยในร่างพระราชบัญญัตินั้นว่า "ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยรัตนโกสินทร์ พ.ศ. ..." โดยนายแคล้ว นรประติ ส.ส.จังหวัดขอนแก่น เป็นผู้เสนอให้ใช้ชื่อมหาวิทยาลัยรามคำแหง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้ร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยรามคำแหง พ.ศ. ... เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514
ระยะแรก คณะรัฐมนตรีได้อนุญาตให้ใช้อาคารสถานที่แสดงสินค้านานาชาติ ที่ตำบลหัวหมาก อำเภอบางกะปิ จังหวัดพระนคร เป็นที่ตั้งชั่วคราวจนกระทั่งเดือนตุลาคม พ.ศ. 2515 จึงได้อนุญาตให้สถานที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งถาวร และได้มีการประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์สถานที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2515 โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช และพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยรามคำแหงรุ่นแรก ในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2518 ซึ่งถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยได้กำหนดให้ วันที่ 26 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัยรามคำแหง
ด้วยความเป็นมหาวิทยาลัยตลาดวิชา ระบบการศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคำแหงจึงเปิดโอกาสให้นักศึกษาสามารถเลือกวิธีเรียนที่เหมาะสมกับความต้องการและความจำเป็นของแต่ละบุคคล จึงจัดให้มีการบรรยายในชั้นเรียน สำหรับผู้ที่จะเข้าฟังบรรยายในชั้นเรียน และจัดให้มีสื่อการสอนทางไกลเพื่อศึกษาด้วยตนเอง เช่น ตำราเรียน การบรรยายผ่านวิทยุและโทรทัศน์ ตลอดจนอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักศึกษาที่มีภาระการงาน หรืออยู่ในท้องถิ่นห่างไกลไม่สามารถเดินทางมาเรียนอย่างสม่ำเสมอได้ อย่างไรก็ตาม ในบางสาขาวิชาที่ต้องมีการฝึกปฏิบัติหรือจำเป็นต้องศึกษาจากผู้สอนอย่างใกล้ชิด มหาวิทยาลัยหรือภาควิชาอาจกำหนดให้นักศึกษาต้องเข้าชั้นเรียน โดยเฉพาะคณะวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ รวมถึงคณะอื่นๆ ในบางรายวิชา


พระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราช

นับแต่ได้สถานที่เป็นที่ตั้งถาวรแล้ว มหาวิทยาลัยรามคำแหงก็ได้เร่งดำเนินการก่อสร้างอาคาร และปรับปรุงสถานที่ให้ทันกับการเปิดสอนของแต่ละปีมาโดยลำดับ ถาวรวัตถุสิ่งแรกที่มหาวิทยาลัยเห็นว่าจำเป็นจะต้องก่อสร้างก่อนก็คือ ที่ประดิษฐาน..'พระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราช'.. ซึ่งมหาวิทยาลัยได้อัญเชิญมาเป็นเครื่องหมายของมหาวิทยาลัย เมื่อได้สร้างเสร็จและอัญเชิญพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราชมาประดิษฐานเรียบร้อย ถาวรวัตถุนี้จะเป็นสัญญลักษณ์ที่รวมพลังกาย พลังใจของคณาจารย์ ข้าราชการ และนักศึกษาให้มุ่งประกอบแต่ความดีงามอันจักเป็นคุณต่อชาติบ้านเมืองสืบไป สำหรับพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราชนั้น ได้จัดสร้างตามแบบของกรมศิลปากร เป็นโลหะทองเหลืองผสมทองแดงและรมดำ ความสูงจากพื้นฐานถึงยอดพระมาลา 115 เซนติเมตร พระหัตถ์ขวาทรงถือหนังสือ และประทับบนพระแท่นมนังคศิลาบาตร การหล่อพระบรมรูปต้องใช้วิธีแยกเททองเป็นส่วนๆ รวมถึง 5 ส่วน กว่าจะเสร็จครบบริบูรณ์ต้องใช้เวลาถึง 8 เดือนเศษ จากนั้นมหาวิทยาลัยจึงได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานเชิญเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาประกอบพิธีเปิดพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตมหาวิทยาลัยรามคำแหงรุ่นที่ 1 เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2518


ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานต้นสุพรรณิการ์ (ฝ้ายคำซ้อน) เป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย ขณะนี้ปลูกไว้บริเวณหน้าอาคาร หอประชุมพ่อขุนรามคำแหงมหาราช เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2542 สุพรรณิการ์มีถิ่นกำเนิดในอินเดียทางตะวันตกเฉียงเหนือของภูเขาหิมาลัย และเป็นไม้พื้นเมืองของพม่าด้วย ในศรีลังกามักปลูกบริเวณพระอุโบสถ เป็นดอกไม้บูชาพระ ในเมืองไทยทางเหนือ เรียกว่า ฝ้ายคำ นำเข้ามาประเทศไทยกว่า 50 ปีมาแล้ว

ตราประจำมหาวิทยาลัย

เป็นพระรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (ศิลาจารึกหลักที่ 1) จารึกนี้พบเมื่อ พ.ศ. 2376 ณ เนินปราสาท เมืองเก่าสุโขทัย อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะที่ผนวชเป็นผู้ค้นพบ เป็นจารึกหลักแรกที่ใช้ภาษาไทยและตัวอักษรไทย มีลักษณะเป็นแท่นหินรูปสี่เหลี่ยม ยอดกลมมน สูง 1 เมตร 11 เซนติเมตร หนา 35 เซนติเมตร เป็นหินชนวนสีเขียวมีจารึกทั้ง 4 ด้าน ปัจจุบันเก็บอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร

สีประจำมหาวิทยาลัย

"สีน้ำเงิน-ทอง" ความหมาย สีน้ำเงิน เป็นสัญลักษณ์ของพระมหากษัตริย์คือพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ส่วนสีทอง เป็นเครื่องหมายของความอุดมสมบูรณ์และเจริญรุ่งเรือง สะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรสุโขทัย

อุดมการณ์ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง

  • ปรัชญา (Philosophy) : ส่งเสริมความเสมอภาคทางการศึกษา ผลิตบัณฑิตที่มีความรู้คู่คุณธรรม
  • ปณิธาน (Ambition) : พัฒนามหาวิทยาลัยรามคำแหงให้เป็นแหล่งวิทยาการแบบตลาดวิชา มุ่งผลิตบัณฑิตที่มีความรู้คู่คุณธรรม และจิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคม
  • วิสัยทัศน์ (Vision) : มหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นองค์การเรียนรู้ (Learning Organization) ที่มีสมรรถนะสูง (High Organization) มุ่งผลิตบัณฑิตในอุดมคติไทยที่มีความรู้คู่คุณธรรม เพื่อสร้างสรรค์สังคมไทยพัฒนาอย่างยั่งยืนตามหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
  • คำขวัญ 1 (Slogan) : รู้จักอภัย ตั้งใจศึกษา บูชาพ่อขุน สนองคุณชาติ
  • คำขวัญ 2 (Slogan) : เปลวเทียนให้แสง รามคำแหงให้ทาง
  • คำขวัญ 3 (Slogan) : สร้างความรู้สู่สากล สร้างคนคู่คุณธรรม
  • คติพจน์ (Motto): อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ  : ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"

เกี่ยวกับมหาวิทยาลัยรามคำแหง

  • รามคำแหงเปิดเรียนครั้งแรก ในวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2514 วิชาที่เปิดบรรยายเป็นวิชาแรกคือ LB103 (การใช้ห้องสมุด) โดยปัจจุบัน ได้เปลี่ยน รหัสวิชาเป็น LIS1003 ตั้งแต่ปีการศึกษา 2555 เป็นต้นไป ส่วนชื่อกระบวนวิชายังคงเดิม
  • คำขวัญเดิมของรามคำแหง คือ รู้จักอภัย ตั้งใจศึกษา บูชาพ่อขุน สนองคุณชาติ เป็นของ ศ.ดร.ศักดิ์ ผาสุขนิรันดร์ อธิการบดีคนแรก และต่อมาได้มีการคิดคำขวัญเพิ่มเติมขึ้นอีก ประมาณปี 2527 ได้มีการจัดประกวดคำขวัญของรามคำแหงขึ้น สำนวนที่ชนะเลิศคือ "เปลวเทียนให้แสง รามคำแหงให้ทาง"
  • ค่าหน่วยกิตของรามคำแหง มหาวิทยาลัยรามคำแหงเป็นมหาวิทยาลัยที่มีค่าหน่วยกิตถูกที่สุด คือ 25 บาท เดิมทีเดียวใน พ.ศ. 2514 กำหนดค่าหน่วยกิตไว้ที่ 30 บาท เนื่องจากคาดว่าอาจมีนักศึกษาเข้ามาสมัครเรียนไม่มากนัก แต่ปรากฏว่ากลับมีผู้สนใจสมัครเข้าเป็นนักศึกษาในครั้งนั้นกว่า 30,000 คน ดร.ศักดิ์ ผาสุขนิรันดร์ จึงเสนอต่อที่ประชุม ทปม. เห็นควรให้ลดค่าหน่วยกิตลงมาเหลือ 25 บาท ครั้งหนึ่งในช่วงหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา ได้มีการเรียกร้องให้ลดค่าหน่วยกิตลงมาอีก ซึ่งได้ลดลงมาจนถึงหน่วยกิตละ 18 บาท จนถึงปีพ.ศ. 2537 ได้มีการเพิ่มค่าหน่วยกิตเป็น 25 บาท จนถึงปัจจุบัน ส่วนการเรียนแบบ Pre-degree สำหรับนักเรียนม.ปลายเก็บหน่วยกิต ค่าหน่วยกิตละ 50 บาท
  • เกรดของมหาวิทยาลัยรามคำแหง มีความแตกต่างจากมหาวิทยาลัยอื่น ๆ กล่าวคือ ใช้ระบบ G P F แสดงระดับผลการเรียนในระดับปริญญาตรี โดย G = Good 4.00 (ระดับคะแนน 80-100) , P = Pass 2.25 (ระดับคะแนน 60-79) และ F = Failure หมายถึงสอบตก (ระดับคะแนน 59 ลงมา) ในช่วงเตรียมจัดตั้งมหาวิทยาลัยได้มีบางท่านเสนอว่าควรใช้ระบบ A B C D แต่จากข้อสรุปของที่ประชุมตกลงให้ใช้G P F ดังเช่นในปัจจุบัน สาเหตุที่ไม่ใช้ระบบ A B C D เนื่องจากนักศึกษามีเป็นจำนวนมาก และมีรูปแบบเป็นมหาวิทยาลัยตลาดวิชา การใช้ตะแกรงถี่เกินไปอาจไม่เป็นระบบการวัดผลที่ดี แต่ตั้งแต่ปีการศึกษา 2555 เป็นตันไป มหาวิทยาลัยได้ปรับระบบเกรด จาก G P F เป็น A B C D เพื่อให้ทัดเทียมกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี พ.ศ. 2558 [2] และมีการพิจารณาให้ ปริญญาเกียรตินิยมอันดับ 1 แก่นักศึกษาที่มีระดับผลการเรียน G ร้อยละ 75 ของหน่วยกิตทั้งหมดของหลักสูตรการศึกษา และปริญญาเกียรตินิยมอันดับ 2 แก่นักศึกษาผู้มีระดับผลการเรียน G ร้อยละ 50 ของหน่วยกิตทั้งหมดของหลักสูตรทั้งนี้นักศึกษาต้องสำเร็จการศึกษาภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้สำหรับหลักสูตรนั้น และต้องไม่มีการลงทะเบียนในวิชาใดวิชาหนึ่งเกิน 1 ครั้ง ซึ่งเมื่อทางมหาวิทยาลัยได้ปรับระบบเกรดเป็น "A B C D" แล้วนั้น การพิจารณาให้เกียรตินิยมจึงเป็นดังนี้ ปริญญาเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง ให้แก่นักศึกษาที่มีระดับผลการเรียนเฉลี่ย 3.75 ขึ้นไป , ปริญญาเกียรตินิยมอันดับ 1 ให้แก่นักศึกษาผู้มีระดับผลการเรียนเฉลี่ย 3.50 ขึ้นไป แต่ไม่ถึง 3.75 และ "'ปริญญาเกียรตินิยมอันดับสอง'" ให้แก่นักศึกษาผู้มีระดับผลการเรียนเฉลี่ย 3.25 ขึ้นไป แต่ไม่ถึง 3.50 ส่วนการรีเกรดสามารถทำได้เฉพาะกรณีที่มีผลการเรียน "'D,D+'" เท่านั้น และที่สำคัญเกรด '"F"' จะไม่ปรากฏอยู่ในทรานสคริปส์ เนื่องจากมหาวิทยาลัยจัดการเรียนการสอนในระบบตลาดวิชาและมีการสอบซ่อมภาคการศึกษาละ 1 ครั้ง (ยกเว้นภาค 2 และภาคฤดูร้อนที่จะสอบซ่อมในคราวเดียวกัน)

พื้นที่การศึกษา

มหาวิทยาลัยรามคำแหง แบ่งพื้นที่การศึกษาออกเป็น 5 ส่วน กับ 1วิทยาเขต และ1ศูนย์การศึกษา (วิทยาเขต)
  • ส่วนที่ 1 คือส่วนของพื้นที่ได้แก่ สำนักงานอธิการบดี (กองคลัง กองแผนงาน) อาคารวิทยบริการและบริหาร กองบริการการศึกษา อาคารเรียนรวม (เวียงคำ) อาคารเรียนรวม (เวียงผา) คณะรัฐศาสตร์1 อาคารบรรยายรวมและศูนย์ศึกษารัฐศาสตร์ อาคารจอดรถพิเศษ8ชั้น ศูนย์หนังสือมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษานานาชาติ โรงกลาง (โรงอาหารกลาง) อาคารนพมาศ (บัณฑิตศึกษา) หอประชุมพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อาคารบรรยายรวม (กงไกรลาศ) ศูนย์ฝึกซ้อมกอล์ฟในร่ม KLB 601 สำนักบริการทางวิชาการและทดสอบประเมินผล งานแพทย์และอนามัย
  • ส่วนที่ 2 คือส่วนพื้นที่การจัดศึกษาได้แก่ คณะบริหารธุรกิจ อาคารบรรยายรวมบริหารธุรกิจ อาคารท่าชัย (บัณฑิตวิทยาลัย) อาคารสุโขทัย เป็นที่ตั้งของ (คณะศิลปกรรมศาสตร์ คณะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สถาบันวิทยาศาสตร์สุขภาพ สถาบันภาษา สำนักทดสอบทางอิเล็กทรอนิกส์ ) อาคารคณะเศรษฐศาสตร์1 และ2 อาคารสถาบันคอมพิวเตอร์ สำนักเทคโนโลยีทางการศึกษา อาคารโรงยิม1
  • ส่วนที่ 3ครอบคลุมไปยัง คณะนิติศาสตร์1 นิติศาสตร์2 สำนักหอสมุดกลาง อาคารสวรรคโลก คณะศึกษาศาสตร์1 ศึกษาศาสตร์2 สำนักกีฬา สนามกีฬาแห่งมหาวิทยาลัยรามคำแหง โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรามคำแหง ฝ่ายประถม โรงเรียนสาธิตอนุบาล สนามเทนนิส โรงยิม2 โรงยิม3 อาคารวิทยบริการ (กองอาคารสถานที่)
  • ส่วนที่ 4เป็นที่ตั้งของ คณะมนุษยศาสตร์ 1 และ2 คณะวิทยาศาสตร์ อาคารปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ อาคารเรียนวิทยาศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง ฝ่ายมัธยม อาคารเรียนคณะมนุษยศาสตร์ (ส่วนขยาย) อาคารวิทยาการจัดการ ภาควิชาสถิติ
  • ส่วนที่ 5เป็นที่ตั้งของพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช สระน้ำ พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพย์อาสน์เป็นพระที่นั่งปราสาทโถงกลางสระน้ำ สร้างในแบบปราสาทจตุรมุข หอนาฬิกา
  • ส่วนที่ 6เป็นที่ตั้งของ กองงานวิทยาเขตบางนา จัดการเรียนการสอนของ นักศึกษาชั้นปริญญาตรี ปีที่1 และ ปริญญาบางสาขา
  • ส่วนที่ 7อยู่ที่จังหวัดสุโขทัย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2549 ได้มีมติเห็นชอบโครงการยกฐานะ มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสุโขทัย เป็นมหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตสุโขทัย ในการนี้ ทางมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้รับงบประมาณแผ่นดินเตรียมการก่อสร้างอาคารเรียน ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในระยะดำเนินการก่อสร้าง เมื่อแล้วเสร็จ ก็จะเปิดสอนคณะใหม่ที่วิทยาเขตแห่งนี้
นอกจากนี้ยังมีส่วนภูมิภาคซึ่งเป็นหน่วยจัดการเรียนการสอนและพื้นที่ในความดูแลของมหาวิทยาลัย คือ สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ ต่างจังหวัด22แห่งจัดการเรียนการสอน ปริญญาตรี โท บางคณะ และสาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ ต่างประเทศ

มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี

   

มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี

   มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี (อังกฤษPhetchaburi Rajabhat University) เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐในกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏ ตั้งอยู่ในจังหวัดเพชรบุรี เดิมตั้งอยู่ที่จังหวัดราชบุรี มีชื่อว่า "โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรม" ต่อมาในปี พ.ศ. 2470 จึงย้ายมาตั้งในจังหวัดเพชรบุรี

ประวัติ

มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี เริ่มก่อตั้งครั้งแรกเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรม ที่ตำบลอู่เรือ จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2469 ในปีถัดมาจึงได้ย้ายมาอยู่ในเขตพระราชวัง พระรามราชนิเวศน์ (วังบ้านปืน) ตำบลบ้านหม้อ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี จากนั้นในปี พ.ศ. 2476 ได้ยกฐานะขึ้นเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูมูลและเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูประกาศนียบัตร จังหวัดเพชรบุรีในปีต่อมา
ในปี พ.ศ. 2481 ได้ย้ายสถานที่ไปตั้งบริเวณวัดเกตุ ตำบลท่าราบ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี และเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูเพชรบุรี ในปี พ.ศ. 2491 และย้ายมาที่สถานที่ตั้งปัจจุบัน ในปี พ.ศ. 2506 กระทั่งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2512 ได้ยกฐานะเป็นวิทยาลัยครูเพชรบุรี และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "สถาบันราชภัฏเพชรบุรี" ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2538
ปัจจุบันมีสถานะเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 มีชื่อว่า "มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี"

ปรัชญา วิสัยทัศน์ พันธกิจ

  • ปรัชญา "คุณธรรมนำความรู้ ค้ำชูสังคม"
  • วิสัยทัศน์ "เป็นมหาวิทยาลัยที่มุ่งพัฒนาองค์ความรู้ที่มีคุณภาพระดับสากล เพื่อสังคม ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง"
  • อัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัย "คุณธรรมเด่น เน้นความเป็นไทย เข้าใจท้องถิ่น"
  • เอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัย "สถาบันอุดมศึกษา เพื่อการพัฒนาท้องถิ่น"


สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย

  • สีน้ำเงิน แทนค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ผู้ให้กำเนิด และพระราชทาน “สถาบันราชภัฏ”
  • สีเขียว แทนค่าแหล่งที่ตั้งของสถาบันฯ ในแหล่งธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่สวยงาม
  • สีทอง แทนค่าความเจริญรุ่งเรืองทางภูมิปัญญา
  • สีส้ม แทนค่าความรุ่งเรืองทางศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่ก้าวไกล
  • สีขาว แทนค่าความคิดอันบริสุทธิ์ของนักปราชญ์แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ




สีประจำมหาวิทยาลัย

สีประจำสถาบัน เขียว-เหลือง